ข่าววันนี้ » บันเทิง
Fairy Cat - 6 กันยายน 2565 | แก้ไข

เอ ไชยา เผยฐานะครอบครัวภรรยา ครั้งแรก งานนี้ไม่ธรรมดา

เรียกว่าออกมาเปิดใจเล่าแบบหมดเปลือกไม่มีกั๊ก สำหรับ พระเอกลิเก ขวัญใจแม่ยกตลอดกาล เอ ไชยา มิตรชัย ยอมออกมาเปิดใจเล่าถึงชีวิตจริง หลังม่านที่หลายคนอาจยังไม่รู้เริ่มจากเส้นทางการเดินทางสายลิเก ฐานะครอบครัวภรรยาที่รวยมาก และ สาเหตุตอนคบภรรยาทำไมไม่เปิดตัว?!

ซึ่งเอ ไชยา ได้เล่าถึงเส้นทางการเล่นลิเก กับ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ว่า "มาจากความชอบ เพราะพ่อกับแม่เป็นลิเก ก็ร้องรำทำเพลงกันอยู่ อีกทั้งเพื่อนบ้าน บางบ้านก็จะเปิดเพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง นิยายเกศทิพย์ ตอนเป็นเด็กได้ฟังก็ซึมซับมาหมด ได้เริ่มเล่นลิเก เป็นตัวลูกบ้าง หรือ นู่นนี่นั่นบ้าง มาเริ่มจริงจังตอน ป.4 เล่นลิเกเป็นพระเอก ได้ค่าตัว 20 บาท เพราะเป็นลิเกการกุศล แต่เล่นทีหนึ่งได้ข้าวสารกลับมาเป็น 100 กระสอบ ยังมีอาหารแห้ง และ เสื้อผ้า เก็บเงินมาเรื่อยๆ จนประมาณ ม.2 มาเปิดบัญชีดูมีเงินเป็นล้าน

เพราะเล่นทั้งกลางวัน-กลางคืน รวม 400 กว่า งานต่อปี เคยมีคนดูมากที่สุดเป็นหมื่นคน ถึงขนาดวัดต้องทุบรั้วเพื่อ "ลิเกไชยา"  เงินที่ได้มาก็เอาไปซื้อเครื่องสำอาง ใช้ของแบรนด์เนมหมด เสื้อผ้าก็เป็นคนออกแบบเอง นั่งรถมาซื้อผ้าที่พาหุรัด เคยหมดเงินไปกับการตัดชุดแพงที่สุดประมาณ 700,000 บาท แพงไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว หมดตัว เพราะตัดทีละหลายชุด"

ส่วนเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของ เอ ไชยา กับ ภรรยา หนูนา พจนา เจ้าตัวเล่าว่า "ยอมรับว่ามีเจ้าชู้บ้าง แต่ยับยั้งชั่งใจได้ ตอนนั้นกำลังวัยรุ่น แม่ยกแต่ละคนที่เข้ามาผิวพรรณดี ฐานะดีกันทั้งนั้น เป็นลูกหลานเจ้าของกิจการต่าง ๆ ครอบครัวหนึ่งที่พามาหลายคนก็รักตนหมด เปิดโอกาสให้คุยให้จีบกันเต็มที่ แต่ตนไม่เป็นแบบนั้น เพราะไม่มีเวลา  พอมีเวลาแล้วก็ต้องรีบ โดยแม่ของภรรยา เป็นสายบุญและชอบเชิญลิเกไชยาไปช่วยงานบุญ ฐานะทางครอบครัวภรรยาสบายทั้งชาติ ส่วนทำไมต้องเป็นคนนี้ ตอนแรกที่เจอกันต่างคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายหยิ่ง สุดท้ายพอได้คุยกันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุยกันเป็นปีกว่าจะได้คบกันแม้จะได้มาเป็นลูกเขยแล้ว แต่แม่ยายก็ยังจ้างให้ไปเล่นลิเก"

ทำเอา  เจนนิเฟอร์ คิ้ม ที่นั่งฟังถามต่อทันทีว่า "แม่ยายทำอาชีพอะไร?" ซึ่งหนุ่ม "เอ ไชยา"  ก็ตอบว่า "ที่ดินย่านสาทรเป็นของตระกูลแม่ยาย หมดเลยแต่ไม่ได้คาดหวังตรงนั้น ยอมรับว่าเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ส่วนเรื่องที่ไม่เปิดเผยว่าคบกัน เพราะมีคนในคณะลิเกอีกร้อยกว่าชีวิตที่ต้องดูแล หากินด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จึงมีการตกลงกันในครอบครัวว่าอยู่กันได้ไหมแบบนี้ เราอยู่ของเราไปแบบนี้นะ ไม่ต้องไปคุยกับใครก็มีความสุขเล็กๆ ของครอบครัวเราแบบนี้

หลังจากนั้น คุณแม่ของภรรยาเคืองไปพักหนึ่ง เรียกให้ หนูนา กลับบ้านพร้อมหลานๆ เพราะแม่ยายบอกว่าเลี้ยงได้ แต่ หนูนา บอกว่าเลือกแล้ว จะทนเพื่อลูกด้วย ตอนที่เป็น สามี-ภรรยา แล้ว ตอนนั้นไม่ได้แต่งงานกัน ภรรยาไม่สามารถแต่งหน้า แต่งตัว หรือ ทาเล็บได้ เพราะคนจะเริ่มจับจ้อง ตอนนั้นสงสารภรรยามาก แต่ก็ขอไว้ อยากทำให้ภรรยาไม่ต้องเป็นที่สังเกตของใคร อยู่นิ่งๆ ไปเหมือนผู้ติดตาม รับบทเลขา ซึ่งระหว่างนั้น ก็มีผู้หญิงเข้ามาคุยด้วย แต่ก็เป็นการทำเพื่องาน ซึ่งภรรยาก็ไม่เคยถาม ไม่เคยหวง

ยอมรับว่า รู้สึกผิดที่นอกลู่นอกทาง คุยโทรศัพท์ทีนาน 3-4 ชั่วโมง มีประมาณ 2-3 คนได้ เคยแอบคิดว่าอยากมีเมียอีกคน ซึ่งภรรยาก็รู้ว่าคุยกับผู้หญิงอื่นแต่ไม่พูด แถมทางบ้านฝ่ายหญิงอีกคนก็รับได้ที่ลูกจะเป็นเมียน้อย จนเกือบจะไปจดทะเบียนแล้ว แต่กลายเป็นว่าไม่เอาดีกว่า สงสารลูกเมีย เพราะเห็นภาพที่ภรรยาพาลูกขึ้นไปเลี้ยงบนเขาเพื่อหลบข่าว ทำให้ ณ ปัจจุบันนี้บอกกับครอบครัวไปว่าจะมีลมหายใจเพื่อเขาจริงๆ และ ทำอะไรก็ได้เพื่อให้เขามีความสุขที่สุด"

แสดงความคิดเห็น

ติดตามเราจากช่องทางอื่นๆ