กูเกิลแมปส์พาหลง หนุ่มขับฝ่าถนนเยือกแข็ง ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย

แม้เรื่องราวการพาไปผิดทางของกูเกิลแมปส์ อาจจะชวนให้หัวเราะขำขันกันได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ความผิดพลาดมันได้เกินเลยไปถึงขั้นชีวิต กับเหตุการณ์หนุ่มรัสเซียขับรถตามกูเกิลแมปส์ ที่พาไปสู่ถนนที่เยือกแข็งที่สุดในโลก จนเขาดับคารถตัวเอง!

 

ซึ่งหลังเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น บริษัทกูเกิลได้รีบเปลี่ยนเส้นทางแนะนำโดยลบ "ถนนเยือกแข็ง" นี้ออกจากฐานข้อมูลทันที สืบเนื่องมาจากการเสียชีวิตของ เซอร์เกย์ อุสตินอฟ หนุ่มวัย 18 ปี ที่ติดอยู่บนถนนเส้นนี้กับเพื่อนของเขา วลาดิสลอฟ อิสโตมิน เป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม ภายหลังที่พวกเขาได้ขับรถไปตามเส้นทางแนะนำของกูเกิลแมปส์ ซึ่งวิ่งมาจากเมืองท่าเรือมากาดาน มุ่งหน้าสู่เมืองยาคุตสค์ เมืองที่หนาวเย็นที่สุดในโลก ไปตามเส้นทางหลวง R504 Kolyma ในไซบีเรีย

 

เนื่องด้วยสภาพอากาศที่โหดร้าย บวกกับสภาพถนนที่โหดร้ายไม่แพ้กัน ทำให้หม้อน้ำรถของอุสตินอฟพังเพราะถูกความหนาวเย็นและบรรดากิ่งไม้เข้าไปเกี่ยวจนไม่สามารถเคลื่อนรถต่อไปได้ ทิ้งให้ทั้งสองอยู่กลางถนนในสภาพอากาศหนาวเย็นติดลบ 50 องศา หนาวจนพวกเขาแทบขยับไปไหนไม่ได้รวมถึงความช่วยเหลือก็ไม่เคยมาถึง พวกเขาต้องคอยก่อไฟเพื่อให้ตัวเองอุ่นเข้าไว้ เนื่องด้วยทั้งสองไม่ได้นำเสื้อกันหนาวหนาแบบพิเศษติดตัวมาด้วย เพราะไม่คิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้

(เซอร์เกย์ อุสตินอฟ ผู้เสียชีวิต)

 

ประมาณ 1 สัปดาห์ผ่านไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พบรถของทั้งสองจอดอยู่กลางถนนดังกล่าว ภายหลังมีผู้แจ้งเรื่องคนหายกับทางตำรวจ แต่กว่าที่จะได้รับความช่วยเหลือ อุสตินอฟก็ได้เสียชีวิตลงด้วยความหนาวเย็นไปแล้ว ส่วนเพื่อนของเขายังมีชีวิตอยู่แต่อาการสาหัส จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล นาเดซชา โวเรตส์คายา เจ้าหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนได้เผยว่า "เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกเดินทางไปยังตอมทอร์ ที่ซึ่งมีรายงานการพบเห็นผู้สูญหายที่นั่น และได้ออกตามหาร่วมกับประชาชนเมืองใกล้เคียงจนไปพบรถคันดังกล่าว ซึ่งทั้งสองได้แกะยางรถเอามาเผาเป็นกองไฟสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่เนื่องด้วยความหนาวเย็นทำให้ไม่มีแรงถอดล้อทั้งหมดมาเผาให้กองไฟใหญ่พอ จนเกิดเหตุสลดใจในที่สุด"

(วลาดิสลอฟ อิสโตมิน เพื่อนอุสตินอฟ อาการสาหัส)

 

ทั้งนี้ เส้นทางหลวง R504 Kolyma หรือ ถนนเยือกแข็ง ก่อสร้างขึ้นในยุคของโจเซฟ สตาลิน (ราวช่วงปี 1923-1953) โดยกลุ่มนักโทษทางการเมือง การก่อสร้างเป็นไปอย่างโหดร้ายจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการก่อสร้างถนนเส้นนี้นับไม่ถ้วน ปัจจุบันเลิกใช้ไปในช่วงปี 1970...

 

ขอบคุณข้อมูลจาก: LADbible